ปฏิทิน


Code Calendar by zalim-code.com

วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

สุขอนามัยที่คุณมีได้ เพียงคุณสนใจ


สุขอนามัย ที่คุณมีได้
เพียงคุณสนใจ
สภาพสังคมที่ผู้คนมากมาย มาอยู่รวมกันในเมือง ความเร่งรีบและข้อจำกัดของเวลา ทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆตัวเรา เสื่อมโทรมและเจือด้วยสารพิษ อากาศ ก็เต็มไปด้วยฝุ่นและละอองสารพิษต่างๆ ที่ลมพัดพาสิ่งเหล่านี้เข้าสู่ที่อยู่อาศัย รวมถึงที่พักผ่อนนอนหลับ เราใช้ชีวิตอยู่บนที่นอนด้วยชั่วโมงที่ยาวนาน และความชื้นจากร่างกายของเรา ทำให้เกิดการสะสมหมักหมมของสิ่งสกปรก เชื้อรา และไรฝุ่น มากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ด้วยเวลานานนับปี จึงส่งผลต่อสุขภาพของตัวเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความจริงแล้วเราสามารถป้องกันหรือรักษาสุขภาพของเราได้ง่ายๆ ด้วยการรักษาความสะอาดของเครื่องนอนอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับคือ เราไม่มีวิธีการที่สมบูรณ์แบบที่จะทำความสะอาดฟูก หมอน ผ้าห่ม อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ต้องเสียความสะดวกสบายและรูปลักษณ์ เพราะว่า เราใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตอยู่บนที่นอน ที่นอนจึงเป็นที่ที่ควรจะสะอาดที่สุด ให้ความรู้สึกอบอุ่น สุขสบาย และให้ความมั่นใจแก่เรา แต่ทว่า
ที่นอนของเราสะอาดแค่ไหน ?
ไรฝุ่นบ้าน คืออะไร
ไรฝุ่น เป็นตัวการสำคัญที่ผลิตสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการ ไอ จาม คัดจมูก คันตา โรคทางเดินหายใจ หืดหอบ ผิวหนังอักเสบ ไรฝุ่นมีอยู่ทั่วไป แต่จะมีมากในที่นอน ที่เรานอนอยู่ทุกวัน สาเหตุที่ทำให้ไรฝุ่นมีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่นอน เพราะว่า ในที่นอนมีพื้นที่กว้าง เป็นที่รองรับการตกหรือปลิวของตัวไรฝุ่น นอกจากนี้ที่นอนจะมีองค์ประกอบของเส้นใย (ทั้ง นุ่น ฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์) ที่หนา ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่และแพร่พันธุ์ ที่สำคัญกว่านั้นคือ ที่นอน เป็นที่สะสมของอาหารซึ่งหลุดร่วงจากตัวเรา เชื้อรา และความชื้น ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของอาหารและความชื้น ไรฝุ่นจะแพร่พันธุ์ได้แปดเท่าในเวลาหกสัปดาห์จะเป็นล้านๆในเวลาไม่กี่เดือน จำนวนไรฝุ่นจะเป็นตัวกำหนดการผลิตสารก่อภูมิแพ้ หรืออีกในหนึ่งมูลของไรฝุ่นนี้แหละที่เป็นพิษ มีพิษต่อร่างกาย หรือต่อเยื่ออ่อนของอวัยวะภายในของคนเรา ไรฝุ่นไม่ได้เป็นพิษโดยตรงอย่างหน้าตาที่น่าเกลีอดของมัน มีคนไม่น้อยที่คิดว่าการป้องกันไรฝุ่นเป็นการสิ้นเปลืองไม่เห็นความสำคัญ แต่เมื่อพิจารณาถึงผลที่เกิด หรือผลข้างเคียงของมูลไรฝุ่นแล้ว จะพบว่าการหยุดการแพร่พันธุ์ของไรฝุ่นเป็นสิ่งจำเป็น อีกทั้งยังเป็นพฤติกรรมปกติที่ต้องกระทำ คือการรักษาความสะอาดของที่นอนให้สะอาดเสมอ การครอบคลุมเครื่องนอนให้ปราศจากไรฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง KOBOLD 2000 จะเป็นคำตอบที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ ( คลิ๊กที่นี่ สำหรับข้อมูลบริการพิเศษ )
ตัวไรฝุ่น แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ตัวปัญหา
แต่มูลของไรฝุ่นจำนวนมากในฟูกที่นอนเป็นสารพิษที่ส่งผลต่อตัวเรา
ทางที่ดีที่สุด คือ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ที่นอนที่เรามีความรู้สึกอบอุ่น สะอาด มีความสุข กลับกลายเป็นแหล่งรวมตัวของตัวไรฝุ่นจำนวนนับล้าน ซึ่งจะกินสะเก็ดเซลผิวหนัง ขี้ไคล ขี้รังแค เป็นอาหารและทุกๆ2 ชั่วโมงจะถ่ายเป็นเมือกๆ เมื่อแห้งจะเป็นละอองฝุ่นจำนวนมาก (ขนาด 1-3 ไมครอน)กล่าวคือ จำนวนไรฝุ่นล้านๆตัวบนที่นอนจะผลิตสารพิษ (มูลของไรฝุ่น) ออกมาจำนวนมหาศาลมากกว่าจะประเมินได้ ฟุ้งกระจายได้ทุกเมื่อที่เราล้มตัวลงนอน พลิกตัวไปมา มูลของตัวไรฝุ่นนี่เองที่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะมันไม่เพียงแค่ความสกปรก แต่มีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง (Allergens) ต่อระบบทางเดินหายใจ เยื่ออ่อนต่างๆ เมื่อเราคลุกคลี และสูดดมทุกๆวัน ร่างกายถูกกระตุ้น เพื่อต่อต้านอาการภูมิแพ้ (น้ำมูกไหล คันตา ขี้ตามาก เป็นหวัดบ่อย) ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานก็จะส่งผลให้เป็นโรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ ผิวหนังอักเสบ เป็นผลต่อเนื่องไปถึงความเครียดและโรคอื่นๆ อีกมากมาย ปัญหาเหล่านี้มักจะถูกแก้ที่ปลายเหตุ คือ การรับประทานยาแก้แพ้ต่างๆ และยาแก้อาการอักเสบซึ้งไม่ใช่การแก้ปัญหาแท้จริง การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุด คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
KOBOLD 2000 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
เทคโนโลยีไมโครไฟเบอร์
เราเสนอคำตอบของการแก้ปัญหา ด้วย "ผลิตภัณฑ์คลุมเครื่องนอน" ชั้นใน เพื่อการรักษาสุขภาพที่ได้ผล การแก้ปัญหาไรฝุ่นด้วยการคลุมที่นอนด้วยผ้าที่ทอแน่นเป็นพิเศษได้รับการทดสอบ และรับรองผลถึงประสิทธิภาพที่น่าพอใจ จากวารสารทางวิชาการภูมิแพ้ต่างประเทศ (EU Journal of Allergy and Clinical Immunology) KOBOLD 2000 ใช้เนื้อผ้าพิเศษ ด้วย เทคโนโลยีไมโครไฟเบอร์ เส้นใยเล็กละเอียดไม่มีขน ทอแน่นด้วยเทคโนโลยีพิเศษ ซึ่งสามารถกันไรฝุ่นได้โดยไม่ใช้สารฆ่าไรฝุ่นเคลือบที่เนื้อผ้า เหมือนที่มีในผลิตภัณฑ์คลุมเครื่องนอนในท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้ เส้นใยไมโครไฟเบอร์ ทำให้เนื้อผ้าเรียบลื่น ผิวสัมผัสดี ระบายความร้อนได้ดี ไล่ความชื้น และไม่มีใยด้ายเป็นขุย เหมือนผ้าปูเตียงปกติ ประสิทธิผลและอายุการใช้งานยาวนาน ผลิตภัณฑ์คลุมเครื่องนอนเพื่อสุขภาพของ KOBOLD 2000 นำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครบวงจร เช่น หมอนสุขภาพ หมอนหนุนสุขภาพ ผ้าคลุมที่นอน ผ้าคลุมหมอน ผ้าคลุมหมอนข้าง เครื่องนอนสำหรับเด็กอ่อน ในราคาสมเหตุสมผล ที่ทุกครอบครัวสามารถเป็นเจ้าของได้

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

กินกล้วยต้านโรค



กินกล้วยต้านโรค (Lisa)

กล้วย มีกำเนิดอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงได้หลายพันปี หลายปีมาแล้ว เชื่อกันว่ากล้วยเป็นผลไม้ชนิดแรกที่คนปลูก เพื่อเป็นอาหาร ประเทศไทยเราชื่อแน่ว่าปลูกกล้วยกินมานานมากแล้ว จดหมายในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ 300 กว่าปีมาแล้วก็กล่าวถึงเรื่องของกล้วย และยังมีผู้สำรวจและกล่าวว่ากล้วยหลาย 10 พันธุ์มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่คนไทยกลับนิยมกินกล้วยกินน้อยมาก บางคนดูถูกด้วยซ้ำว่าเป็นผลไม้ของคนยาก เนื่องจากราคาถูก จึงถูกจัดให้เป็นผลไม้เกรดต่ำ นำมาขึ้นโต๊ะรับแขกไม่ได้ แขกจะถูกแย่ว่าเลี้ยงกล้วย ต้องไปหาผลไม้แพงๆ ซึ่งความจริงผลไม้ไทยๆ อย่างกล้วยนี้ สุดยอดวิตามินเชียวล่ะ

กินกล้วย-ต้านโรค

ฟังดูชื่อเรื่อง บางคนอาจจะคิดว่า เกินเลยความจริงไปมั้ง

จริง ๆ แล้ว ไม่เกินเลยความจริงเลย กล้วยผลไม้ไทย ๆ ของเรานี่แหละใช้เป็นยาป้องกันและรักษาโรคได้หลายโรค และยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ คือมีทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ทางการแพทย์จึงได้เลือกให้กล้วยน้ำว้าสุกเป็นอาหารเสริมในวัยทารก

น้ำตาลที่เกิดขึ้นจากขบวนการเปลี่ยนแปลงของแป้ง ขณะที่กล้วยสุกก็มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อกล้วยตกไปถึงลำไส้จะทำให้ลำไส้มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แคลเซียมถูกดูดซึมง่ายและสมบูรณ์ขึ้น จึงนับว่าน้ำตาลในกล้วยมีคุณค่ากว่าน้ำตาลที่ได้จากธัญพืชอื่น ๆ
สารอาหารโปรตีนที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับเราอยู่หลายชนิด โดยเฉพาะมีกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า อาร์จินิน และ ฮีสติดีน ซึ่งกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก

นอกจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตแล้ว ในกล้วยแต่ละชนิดยังมีไขมันแม้จะอยู่ในปริมาณที่น้อยก็ตาม

กล้วยแต่ละชนิดจะให้โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในปริมาณที่แตกต่างกัน จะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนจากตาราง โดยเปรียบเทียบจากเนื้อกล้วยในปริมาณ 100 กรัม เท่าๆ กัน

ส่วนวิตามินนั้น มองดูผิวเผิน กล้วยแต่ละชนิดสีขาวๆ ทั้งนั้นไม่น่าจะให้วิตามินเอเลย แต่ในกล้วยก็มีวิตามินเออยู่ด้วย แม้จะไม่มากเท่าวิตามินเอที่ได้จากมะละกอหรือมะม่วงสุก แต่ก็มีวิตามินเอมากกว่าผลไม้อีกหลาย ๆ ชนิด เช่น ชมพู่ ส้มโอ น้อยหน่า เป็นต้น ในบรรดากล้วยทุกชนิดนั้น กล้วยน้ำว้าจะมีวิตามินเอมากกว่าเพื่อน สำหรับวิตามินตัวอื่น กล้วยก็มีอยู่ครบทุกชนิดเช่นกัน ทั้งวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอะซิน

เกลือแร่สำคัญ ๆ ที่มีอยู่ในกล้วยก็คือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก
เมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้อื่น ๆ แล้ว กล้วยนับเป็นผลไม้ที่มีเกลือแร่อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม ฟอสฟอรัส หรือเหล็กก็ตาม กล้วยทุกชนิดมีแร่ธาตุมากกว่าผลไม้ชนิดต่าง ๆ ดังนี้
มีธาตุเหล็กมากกว่าแตงโม พุทรา ระกำ ลำไย ลิ้นจี่ แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฯลฯ
มีแคลเซียมมากกว่าชมพู่ มะเฟือง มะไฟ มะยม มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ฯลฯ
มีฟอสฟอรัสมากกว่าลูกเงาะ ชมพู่ แตงไทย แตงโม มะเฟือง มะม่วง มังคุด ระกำ ละมุด แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฯลฯ